ประวัติ พระสุธีปริยัตยาภรณ์ (เจ้าคุณพร้อม กนฺตสีโล ป.ธ.๗) เจ้าอาวาส วัดพลับบางกะจะ จ.จันทบุรี
พระสุธีปริยัตยาภรณ์ (เจ้าคุณพร้อม กนฺตสีโล ป.ธ.๗)
มีนามเดิมวา พร้อม พราหมณ์อนงค์ เกิดเมื่อวันที่ ๑ มิถุนายน ๒๔๗๙ ตรงกบวันจันทร์ ขึ้น๑๒ คํ่า เดือน ๗ปี ชวดบิดาชื่อ นายชื้น พราหมณ์อนงค์ มารดาชื่อ นางริ้ว อินทร์เหยมมีพี่น้องร่วมกน ั ๔ คน ท่านเป็ นบุตรคนโตพื้นเพเป็นคน บ้านนากุ่ม ต.โพธิ์หัก อ.บางแพ จ.ราชบุรีเมื่อปี พ.ศ 2485 ครอบครัวได้ย้ายจากราชบุรี ไปอยูที่หมู่บ้านเขาตาเกา ต้ .หนองโอ่ง อ.อู่ทอง จังหวัดสุพรรณบุรีจนถึงปัจจุบันนี้ ครอบครัวท่านประกอบ
อาชีพเกษตรกรรม ในวัยเด็กนั้นก็ได้ช่วย พ่อแม่ ทํามากิน ช่วยทํานา,ทําสวน เพื่อเลี้ยงครอบครัว เวลาวางก็จะเข้าวัดทําบุญอยู่ประจํา อยู่ไม่ขาด โดยนิสัยส่วนตัวเป็ นรักความสงบ ไม่ชอบวุนวาย กับใคร มีเพียงคนในครอบครัวเท่านั้นหากมีงานที่วัดก็จะไปร่วมทําบุญอยูไม่ขาดสาย จึงได้มีมีโอกาส ได้ฟังธรรมมะ อยู่เป็นประจํา ทุกครั้งที่ได้พระธรรมคําสั่งสอน ก็จะรู้สึกวามีความสุขมาก หากมีโอกาส ได้ไปวัดกับพ่อแม่ก็จะไปอยูเรื่อยๆ พี่น้องที่อยู่ด้วยกันนก็รักกนดี ช่วยเหลือซึ่งกนและกันดูแลครอบครัว ด้วยใจที่รักในพระพุทธศาสนา จึงได้ขอพ่อแม่บรรพชาเป็นสามเณร เมื่อวันที่ 17 เมษายน 2495 วัดยางยี่แส ต.หนองโอ่ง อ.อู่ทอง จ.สุพรรณบุรี
พระครูวินยานุโยค เป็นพระอุปัชฌาย์ ได้ศึกศึกษา พระธรรมวินัย บาลีจากพระครูวินยานุโยคเมื่ออายุครบบวช จึงได้อุปสมบท ที่วัดปราสาททอง ต.ท่าพี่เลี้ยง อ.เมือง จ.สุพรรณบุรีก็มีโอกาสได้พบพ่อแม่ ครูอาจารย์ผู้เปี่ ยมล้นด้วยความเมตตาจากพระเกจิอาจารย์หลายรูปท่านเมตตาสอนพระธรรมคําสั่งสอน จังหวัดสุพรรณบุรี มีพระเกจิอาจารย์ที่มีความรู้ด้านพระธรรมวินัย นอกจากนี้ยังได้รับความเมตตา จากพ่อแม่ ครูอาจารย์ท่านเมตตาสอนกรรมฐาน สอนการภาวนา การฝึกจิต นั่งสมาธิ เดินจงกรม นอกเรียนพระปริยัติธรรม ก็ได้เรียน วิปัสสนากรรม เผื่อฝึ กฝนจิต การที่ได้รับรับความเมตตาจากพ่อแม่ ครูอาจารย์ ที่จังหวัดสุพรรณบุรี ตั้งแต่พรรษา2499 ที่ได้อุปสมบท ก็ตั้งใจศึกษา พระธรรมมาโดยตลอดได้จําพรรษาที่จังหวัดสุพรรณจนถึง 2504 และได้ธุดงค์มาอยูที่จังหวัดจันทบุรี ตั้งแต่2505 จังหวัดจันทบุรี
เป็นวัดที่สงบร่มเย็น มีแม่นํ้ามีภูเขา และยังเป็นสถานที่พ่อแม่ครูอาจารย์หลายรูปได้มาปฏิบัติธรรม ครั้งแรกที่ได้มาก็รู้สึกชอบมาก ในระหวางนั้นก็ได้เจริญวิปัสสนากรรมฐาน ไปพร้อมศึกษา บาลี และได้มีโอกาสได้ได้สอบ นักธรรมตรี จนถึงนักธรรมเอก ปี2534 ได้รับแต่งตั้งเป็นพระครูสัญญาบัตร รองเจ้าอาวาสวัดราษฎร์ เป็ นพระครู ศรีปริยัติภูบิต และได้สอบมหาเปรียญธรรมได้ สามประโยค ได้เป็ นพระมหา และได้สอบเปรียญธรรมมาเรื่อยจนถึงปี 2538สอบได้เปรียญธรรม 7 ประโยค ปีเมื่อวันที่ 5ธันวาคม พ.ศ.2550ได้รับแต่งตั้งให้เป็ นพระราชาคณะชั้นสามัญ พระสุธีปริยัติยาภรณ์
เมื่อปี2559 ได้รับแต่งตั้งเป็นที่ปรึกษา เจ้าคณะอําเภอแหลมสิงห์ เจ้าอาวาสวัดพลับ ก่อนที่จะได้มาอยูที่วัดพลับบางกะจะแห่งนี้ ก็ได้มีโอกาสได้ รับใช้พ่อแม่ ครูอาจารย์ได้มีโอกาสได้ไปฝากตัวเป็นศิษย์หลวงปู่ พิศดู
วัดเทพธารทอง อ.เขาคิชฌกูฏ จ.จันทบุรี หลวงปู่ พิศดู ท่านเป็นชาวกมพูชามาแต่กาเนิด ท่านจึงสามารถฟังอ่านเขียน ได้อย่างคลองแคล่ว บ้านเกิดของท่านอยู่ติดกับชายแดนประเทศไทย เมื่อมท่านได้อุปสมบทแล้ว
จึงอพพยบหนี ภัยสงครามมาที่ประเทศไทย เมื่อครั้งสงครามโลกครั้งที่ 2โดยหนีมาทางนํ้า แจวเรือมากับหลาน และน้องชาย รวมทั้งพระสงฆ์รูปอื่น ๆ หลบหนีออกมา
เมื่อมาถึงเมืองไทยได้แวะพักอยูที่เขาวงก่อนต่อมาจึงได้มาอยูที่วัดคลองใหญ่อ.คลองใหญ่จ.ตราดขณะที่อยูที่วัดคลองใหญ่นี่เองท่านได้เริ่มเรียน เวทย์มนต์คาถาต่าง ๆ เช่น คาถาโคมแกว คาถาเจริญคุณ และวิชาอาคต่างๆด้วย รวมถึงวัตรปฏิบัติ เบ็ดเตล็ดต่างๆ โดยมีพระครูบัวตูมรัตนสาคร เป็นผู้ถ่ายทอดให้วันละคําสองคํา ท่านก็ได้ จดจํารํ่าเรียนมา และเนื่องจากการที่ท่านมีนิสัยรักการอ่านเขียน มีความจําแม่น ท่องเก่งมาตั้งแต่
เมื่อครั้งยังอาศัยอยูกับโยมพ่อและโยมแม่ หลวงปู่ พิศดู ท่านมักออกธุดงค์เพียงรูปเดียวอยูในป่ าเขา
เพื่อฝึกจิตภาวนา จนบรรลุธรรม ท่านมีลูกศิษย์อยูหลายรูป หนึ่งในลูกศิษย์ ของท่านคือ พระสุธีปริยัติยาภรณ์ เจ้าคุณพร้อม เจ้าคุณพร้อมท่านได้มีโอกาสรับความเมตตาจากหลวงปู่ พิศดู ตั้งปี 2505 ที่มาอยูวัดพลับ และยังได้ไปจําพรรษา เพื่อศึกษา ธรรมมะจากหลวงปู่ พิศดู หลวงปู่ พิศดู ท่านจะมีธรรมมะแปลกมาค่อยสอนอยูเสมอ จากวิชาอาคมที่ท่านได้เมตตาสอนให้แล้วท่านยังเมตตา ให้ปลงเกศาของท่าน อีกด้วย หลวงปู่ พิศดู ท่านรู้วาระจิต ของศิษย์ ท่านมาหาท่าน บางครั้งคนที่คิดจะมาลองวิชาท่าน
ท่านรู้หมดแต่ท่านไม่สนใจ แต่กลับให้ธรรมมะ ไปเป็ นธรรมทานกลับไปผู้ที่ได้ฟังแล้วเกิดปี ติสุขจากธรรมมะ หลวงปู่ สอนวิปัสสนากรรมฐานตามแนวพระสายป่ า คือเน้นการฝึกจิตภาวนา มากวา เมื่อท่านสอนแล้วท่านก็จะทดสอบจิต ทอสอบธรรมของลูกศิษย์วาเป็นเช่นไร เช่นถามตอบปัญหาธรรม เจ้าคุณพร้อมก็ได้ค่อยอุปัฏฐากหลวงปู่ พิศดู จนท่านมรภาพ ไม่เคยห่างท่าน แม่จะอยู่วัดพลับเดินไปที่วัดหลวงปู่ อยูไม่ขาดสายเสมอต้นเสมอปลายมาโดยตลอด บรรดาลูกศิษย์หลวงปู่ ต่างก็เคารพท่านและมาหาอยูบ่อยเช่นกน ด้วยความนอบน้อมของท่านจึงเป็นที่รักและศรัทธา ของลูกศิษย์ ตั้งแต่ท่านมาอยูวัดพลับ แห่งที่ก็ค่อยพัฒนาอยูไม่ ขาดสาย ทั้งงานก่อสร้างและอนุรักษ์เสนาสนะภายในวัดพลับ
วัดพลับบางกะจะ เป็นวัดสําคัญของจังหวัดจันทบุรี เป็ นสถานที่สําคัญ เส้นทางทัพพระเจ้าตากสินมหาราชมีสถานที่สําคัญ บ่อนํ้าศักดิ์สิทธิ์ ในพิธีสําคัญต่าง เจ้าคุณพร้อม ท่านเป็ นผู้มีบุญสัมพันธ์ กบวัดพลับบางกะจะแห่นี้ เจ้าคุณพร้อมที่เป็ นพระเกจิอาจารย์ ที่ได้ร่วมพิธีสําคัญต่าง เช่นพิธีทํานํ้าอภิเษกของจังหวัดจันทบุรีในโบสถ์วัดพลับ และนํ้าบ่อศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้ยังนําไปใช้ในพิธีราชาภิเษก ของในหลวงราชการ ที่ 10และพระราชพิธีสําคัญต่างที่ต้องนํานํ้าจากบ่อนํ้าศักดิ์สิทธิ์แห่งไปใช้ บ่อนํ้าแห่งนี้จึงมีความสําคัญมาก เมื่อครั้งทัพพระเจ้าตากสินมหาราช จะนําทัพไป ก็จัดพิธีดื่มนํ้าศักดิ์สิทธ์เพื่อเป็นขวัญกาลังใจ ของเหล่ำาทหารกล้า
โดยมีพีพระเกจิอาจารยในยุคนั้น ร่วมปลุกเสกนํ้า วัดพลับบางกะจะแห่ง จึงเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์มาตั้งแต่สมัยโบราณ เจ้าคุณพร้อมท่านมาที่วัดพลับแห่งนี้ ได้มาดูแลสถานที่สําคัญแห่งนี้เป็นเวลาหลายสิบปีท่านเป็นที่เคารศรัทธาของลูกศิษย์หากมีพิธีพุทธาภิเษก ท่านจะเป็ นหนึ่งในพระเกจิอาจารย์ที่ได้รับอาราธนานิมนต์ ร่วมนังปรกอธิฐานจิตวัตถุมงคล เช่นเมื่อครั้ง วัดละหารไร่ ได้จัดสร้างวัตถุมงคล เหรียญหลวงปู่ ทิม ย้อนยุคเมื่อปี 2554 ได้จัดพิธีปลุกเสท่ามกลางแสงจันทร์วันเพ็ญ ณ วัดละหารไร่ และยังร่วมปลุกเสกที่ค่ายตากสินมหาราช จังหวัดจันทบุรี พร้อมพระเกจิอาจารย์ชื่อดัง สายป่ ากรรมฐาน ท่านมีสายสัมพันธ์เกี่ยวกบพระเจ้าตากสินมหาราช มาโดยตลอด
ท่านไดรับการยกยองพระเกจิอาจารย์อยู่เสมอว่าเป็ นผู้ มีบุญวาสนาจึงได้มาอยูที่วัดพลับบางกะจะแห่งนี้ ตั้งแต่อดีตชาติ ทําให้ชาตินี้มีบุญได้มาเป็ นเจ้าอาวาส มาคอยดุแลรักษา สถานที่แห่งนี้ซึ่งมีอายุหลายร้อยปี สภาพจึงทรุดโทรมไปตามการเวลาถึงแม้จะบูรณะแล้วก็มีส่วนที่ต้องซ่อมแซม อยูหลายที่ เจ้าคุณพร้อมที่เป็ นพระเกจิอาจารย์รูปสําคัญของจังหวัดจันทบุรี อีกทั้งท่านยังเป็นศิษย์หลวงปู่ พิศดู พระเกจิอาจารย์ชื่อดัง เจ้าคุณพร้อมที่รอบรู้ทุกด้าน ทั้งวิปัสสนากรรมฐาน และสรรพวิชา คาถาอาคมต่าง ๆ ไม่เป็นสองรองใคร ปี 2564
ทางคณะกรรมวัดได้อนุมัติอนุญาตให้ คุณนิพนธ์ระยองรีไซเคิล จัดสร้างวัตถุมงคล เหรียญเสมา รุ่นรวยพร้อมเพียง เพื่อนํ้ารายได้มาบูรณะ เสนาสนะ ภายในวัดพลับบางกะจะ เหรียญเสมารุ่นรวยพร้อมเพียง ที่ระลึกฉลองอายุวัฒนมงคล ครบ 85 ปี ได้นําชนวนมวลสาร จากพระเกจคณาจารย์มาหลอมเป็นชนวนในการจัดสร้าง แผนจารชนวนมวลสาร ล้วนเป็นสิ่งที่หายากได้นํามาเป็นมวลสารในการจัดสร้างในครั้งนี้
นอกจากนี้วัตถุมงคลรุ่นรวยพร้อมเพียง จะอธิฐานจิตปลุกเสกภายในโบสถ์เก่าสําคัญของวัด ที่มีอายุ มากวา่ 200 ปี เป็นโบสถ์ที่มีความศักดิ์สิทธิ์ แห่งหนึ่งในประเทศไทยก็วาได้ พิธีสําคัญต่างๆ ก็ใช้โบสถ์หลังนี้ประกอบพิธีกรรมเหรียญเสมา รวยพร้อมเพียงได้เปิ ดจองเมื่อวันที่ 11 กันยายน 2564 และได้จัดพิธีพุทธภิเษก เมื่อวันที่ 10ตุลาคม 2564 ช่วงเช้าของวันที่ 10 ตุลาคม
ได้จัดพิธีบรวงสวรวง สิ่งสักสิทธิ์ อัญเชิญเทพเทวดา อัยเชิญบารมีสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช เวลา 12.09 เจ้าคุณพร้อมเป็ นประธานเจิมและจุดเทียนชัย พระมหานาคเจริญบทพุทธาภิเษก เวลา 13.19 หลวงปู่ สุข วัดหนองฆ้อ เป็นประธานดับเทียนชัย พร้อมเจิมวัตถุมงคลและพรมนํ้าพุทธมนต์ ให้ลุกศิษย์ผู้มาร่วมงาน เจ้าคุณพร้อมเมตตา ถอนบล็อก คณะกรรมการวัดพลับทําลายบล็อก คุณนิพนธ์ระยองรีไซเคิล ถวายเงินปัจจัย 300000 บาท พร้อมวัตถุมงคล จํานวน1000องค์ร่วมทําบุญ พร้อมคณะศิษย์ พร้อมเป็ นพยาน ในงานบุญครั้งนี้ นับวาเป็ นนิมิตหมายที่ดี ระหว่างที่ทําพิธี พุทธาภิเษก ได้เกิดพระอาทิตย์ทรงกลด ซึ่งได้เกิดขึ้นบ่อยครั้ง วัตถุมงคล เหรียญเสมารวยพร้อมเพียง จึงเป็นอีกหนึ่งวัตถุมงคลที่น่าเก็บสะสม พระเกจิอาจารย์ที่นังปรกอธิฐานจิต ล้วนเป็ นผู้มีวิชาอาคม หลวงปู่ สุขท่านเป็นศิษย์หลวงปู่ ทิม หลวงปู่ แกว เกจิดังจังหวัดระยอง
เจ้าคุณพร้อมท่านเป นพระศิษย์หลวงปู่ พิศดู พระผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ ปฏิปทาน่าเลื่อมใส ตลอดเวลาที่นั่งท่านนังแบบไม่ขยับตัวแม้แต่น้อยเป็นนาน 1 ชัวโมง ผู้ที่เปี่ยมด้วยกรรมฐาน สมาธิจิต อันสงบ ใครเห็นก็ต่างศรัทธา
วัดพลับ บางกะจะ จันทบุรีเป็ นวัดเก่าแก่วัดหนึ่งในจังหวัดจันทบุรีตั้งขึ้นในสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลาย จากหลักฐานที่สํานักพุทธศาสนาบันทึกไว้วา ได้รับอนญาตให้ตั ่ ้งเป็ นวัดในปี พ.ศ. 2300 ในรัชสมัยของสมเด็พระบรมราชาธิราชที่ 3( พระเจ้าอยูหัวบรมโกศ ่ ) ชื่อวัดพลับสุวรรณพิมพราราม ต่อมาได้เปลี่ยนเป็ นสุวรรณติมพรุธาราม ซึ่งแปลวา ่วัดพลับทอง (ทองคํา) ในสมัยเจ้าอาวาสองค์ที่ 12 ท่านครูเขม์ ธมมทินโน ได้เปลี่ยนชื่อวัดจากสุวรรณติมพรุธารามเป็นชื่อ วัดพลับ โบราณสถาน โบราณวัตถุที่กรมศิลปกร ได้ขึ้นทะเบียนเป็ นสมบัติของชาติแล้วได้แก่พระปรางค์ พระเจดีย์กลางนํ้า วิหารพระปางบําเพ็ญทุกกรกิริยา หอไตรกลางสระนํ้าวิหารพรธาตุ ตู้พระไตรปิฎก และสามสร้างหรือสําซ่าง กรมการศาสนาได้คัดเลือกให้วัดพลับบางกะจะ เป็นอุทยานการศึกษา
วิหารไม้
ตั้งอยูทางทิศเหนือด้านหน้าวัด เป็นอาคารไม้ มีอายุร้อยปี รูปทรงสี่เหลี่ยมจตุรัส ส่วนยอดของหลังคาเป นทรงจตุรมุข มีเจดีย์ขนาดเล็กประดับบนยอดจตุรมุขมีเครื่องลํายองที่ทําด้วยไม้ แกะสลัก สวยงามตกแต่งจตุรมุขและบริเวณช่องลมทั้ง 4 ด้านประดับด้วยการแกะสลักลวดลายไม้ฉลุที่งดงาม แสดงให้เห็นร่อร่อยของฝี มือช่างถ้องทิ่นในอดีดที่สร้างสรรค์ศิลปะได้อยางมีคุณค่ายื่ง ภายใน วิหารประดิษฐานพระพุทธรูปปางบําเพ็ญทุกรกิริยา หรือเรียกกนทั ั วไปว่า ปางทรมาน
บ่อนํ้าศักดิ์สิทธิ์
นับตั้งแต่โบราณกาลผู้คนในชุมชนบางกะจะและใกล้เคียงผู้ไดต้องการนํ้าไปทํานํ้าพระพุทธมนต์ในการรักษาโรคภัยไข้เจ็บหรือประกอบพิธีกรรมต่างๆ ก็จะนํานํ้าในบ่อนํ้านี้ไปใช้ในพิธีนั้น เมื่อครั้งสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช นําทัพจัดเตรียมกองทัพอยูที่วัดพลับ พระองค์ก็ทรงใช้นํ้าในบ่อนํ้าทํานํ้าพระพุทธมนต์ประพรมกองทัพก่อนออกศึก ต่อมาราชวงศ์จักรีขึ้นครองราชย์ ก็ทรงใช้นํ้าในบ่อนี้ทํานํ้าพระพุทธมนต์
ราชาภิเษกในการเสด็จขึ้นครองราชย์เช่นกนั
เจดีย์กลางนํ้า
เป็นเจดีย์ทรงระฆัง ศิลปะสมัยอยุธยาตอนกลางสูงประมาณ 7 เมตร ตัวองค์ระฆังก่ออิฐถือปูนธรรมดา ไม่ประดับกระเบื้องมีฐานประทักษิณ โดยรอบ 4 ด้าน เมื่อทอดเงาในนํ้ามองดูงามสง่าหอไตรเป็นหอไม้ทรงไทย อายุเก่าแก่สมัยอยุธยา หลังคา 2 ชั้นทรงจัวโครงสร้างไม้ตกแต่งด้วยเครื่องลํายอง มีระเบียงรอบหอเสารองรับหลังคาเป็ นเสาเดิมยังเห็นร่องรอยการตกแต่งด้วยลายรดนํ้าลงรักปิ ดทอง เป็ นหอไตรขนาดกลาง สร้างอยูกลางสระน้ำ เดิมใช้เป็นที่เก็บพระไตรปิฎก
พระปรางค์
สร้างเมื่อ พ.ศ. 2441 เป็ นศิลปะสมัยรัตนโกสินทร์ สูง 20 เมตร องค์พระปรางค์ตังอยูบนฐานประทักษิณ 2ชั้น มีบันไดมีมุขยื่นทั้ง 4 ด้านโดยรอบ ส่วนยอดของพระปรางค์ มีการซ้อนชั้น องค์พระปรางค์เล็กมีชั้นฐาน
ชิงบาตรรองรับประดับซุ้มด้วยรูปปั้นเศียรช้างทั้ง 4 ทิศ และส่วนยอดสุดตกแต่งด้วยยอดปรางค์ประดับด้วยตรีศูลพระปรางค์ลักษณะเช่นนี้ไม่ค่อยพบในภาคตะวันออก
อนุสรณ์สถานสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช
เมื่อปี พ.ศ. 2309 สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช (ขณะนั้นเป็ น พระยาวชิรปราการ)ได้รวบรวมเหล่าทหารไทยจํานวนหนึ่งตีฝ่ าทหารพม่าที่ล้อมกรุงศรีอยุธยา ผานมาทางระยองเรื่อยมามุ่งสู่จันทบุรี และได้มาหยุดพักพลปละประทับพักแรกที่บ้านบางกะจะ หัวแหวน ที่จะนํากองทัพเข้าตีเมืองจันทบุรีและยกทัพเรือไปกูกรุงศรีอยุธยา พระองค์ได้ประกอบพิธีตัดไม้ข่มนามบํารุงขวัญทหาร โดยนํานํ้าถวายเป็นพุทธบูชา ต่อมา พ.ศ.2479 พระเจดีย์ได้พังทลายลงจึงพบพระยอดธงเป็ นจํานวนมาก เป็นที่เลี่ยงลือในหมู่นิยมพระเครื่องวา พระยอดธงดี ต้องพระยอดธงวัดพลับวัดพลับบางกะจะแห่งนี้มีความสําคัญ มาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน เส้นทางทัพพระเจ้าตากสินมหาราชเหรียญเสมา เจ้าเจ้าคุณพร้อม จึงเป็ นอีกหนึ่งวัดวัตถุมงคล ที่วัดพลับบางกะจะได้จัดสร้างขึ้นเพื่อสร้างประโยชน์ให้ชาติบ้านเมือง เพื่ออนุรักษ์ สมบัติของชาติบ้านเมือง โบราณสถาน โบราณวัตถุทีเกิดขึ้นจากประวัติศาสตร์ของบรรพบุรุษไทย เป็ นสิ่งที่ลูกหลานควร รักษา พระพุทธศาสนา เป็ นศาสนาประจําชาติไทยเรา เราควรช่วยกนบํารุงรักษา เจ้าคุณพร้อมท่านเป็ นพระที่ให้ความสําคัญกบประวัติศาสตร์ บ้านเมือของ ัเรา เป็ นหลัก เป็ นผู้เสียสละทั้งทางโลกและทางธรรม เป็ นแบบอยางให้ศิษย์ ในทุกๆด่าน ในยุคปัจจุบันที่โลกเปลี่ยนไป การศึกษา ก็เปลี่ยน วัฒนธรรมประเพณี สิ่งดีงามหลายอยางก่ าลังหายไป เราจึงต้องอนุรักษ์ เอาไว้ ให้ลูกหลาน
วัดพลับบางกะจะ แห่งนี้เหมือนสถานที่แห่งการศึกษา ให้ลูกหลานได้ศึกความรู้ และจดจําเรื่องราว ในยุคอดีตจนถึงปัจจุบัน และเทิดทูล พระมหากษัตริย์ไทย ที่ทรงสร้างชาติบ้านเมือง ด้วยความเสียสละเลือดเนื้อ ในการรบทําสึกสงคราม กวาจะรวมแผ่นดิน เป็นประเทศชาติจนถึงปัจจุบัน เราลูกหลานควรช่วยกนอนุรักษ์เอาไว้ไม่ให้สูญหาย ให้อยูคู่แผนดินไทย ตราบนานเท่านานเหรียญเสมา รวยพร้อมเพียง เป็นวัถมงคลที่ เจ้าคุณพร้อมท่านได้ตั้งใจ จัดสร้างเพื่อให้ลุกหลานได้บูชาและยังช่วยทํานุบํารุงวัดพลับแห่งนี้ ให้อยูคู่บ้านเมืองในปัจจุบัน มรดกที่สําคัญ เราควรช่วยกนดูแล ัเหรียญเสมารวยพร้อมเพียง
เขียนโดย#S-amulet