• ประชาสัมพันธ์:

  • มิติใหม่ พระเครื่องไทยก้าวสู่บล็อกเชน คุณนิพนธ์ ระยองรีไชเคลิน ว่าด้วยพระเครื่องในยุคดิจิทัล

หลวงปู่พวง ธัมมสาโร วัดเทพนรสิงห์ บ้านโคกตาสิงห์ ต.สวายจีก อ.เมือง จ.บุรีรัมย์

หลวงปู่พวง ธัมมสาโร วัดเทพนรสิงห์ บ้านโคกตาสิงห์ ต.สวายจีก อ.เมือง จ.บุรีรัมย์

“หลวงปู่พวง ธัมมสาโร” วัดเทพนรสิงห์ บ้านโคกตาสิงห์ ต.สวายจีก อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ เป็นพระเกจิอาจารย์ชื่อดังแห่งดินแดนถิ่นภูเขาไฟ ที่ศิษยานุศิษย์ให้ความเลื่อมใสศรัทธา

เป็นพระเถระที่ปฏิบัติเคร่งครัดในพระธรรมวินัย และมีความเชี่ยวชาญในการใช้สมุนไพรไทยบำบัดรักษาอาการเจ็บป่วยต่างๆ ให้ชาวบ้านในชุมชน

ปัจจุบัน สิริอายุ 88 ปี พรรษา 45

เกิดในสกุล เกริงรัมย์ เมื่อวันเสาร์ที่ 10 พ.ค. 2474 ที่บ้านโคกตาสิงห์ ต.สวายจีก อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ ครอบครัวประกอบอาชีพปักดำทำนาปลูกข้าว และรับจ้าง ในวัยเยาว์เป็นเด็กกำพร้าสูญเสียมารดา จบการศึกษาชั้น ป.4 ที่โรงเรียนวัดบ้านสวายจีก สายเลือดไทยโคราช สามารถพูดได้หลายภาษา เช่น เขมร ลาว ส่วย

ครั้งเริ่มย่างเข้าสู่ช่วงวัยรุ่น มีอุปนิสัยค่อนข้างนักเลง บิดาเกิดความเป็นห่วงบุตรชาย เกรงว่าจะเสียผู้เสียคน จึงนำไปฝากเจ้าอาวาสวัดสนวนใน ต.สวายจีก เพื่อบวชเรียนเป็นสามเณร

มุ่งมั่นศึกษาพระปริยัติธรรม สามารถเรียนจบนักธรรมชั้นโท แต่บวชเรียนได้เพียงแค่ 3 พรรษา ต่อมาโยมบิดาล้มป่วยลง ไม่มีใครดูแลปฐมพยาบาล จึงจำต้องลาสิกขา เพื่อช่วยงานเก็บเกี่ยวข้าวและดูแลบิดาในช่วงบั้นปลายชีวิต

อายุ 20 ปี เป็นนักเลงใหญ่ มีเพื่อนร่วมรุ่นชื่อดังหลายคน อาทิ เสือคง เสือวาง เสือเบง และเสือช่วย ทำให้ใช้ชีวิตนักเลงไปวันๆ ก่อนได้ไปพบรักและแต่งงาน มีบุตรชาย 5 คน หญิง 3 คน ต่อมา ครอบครัวย้ายถิ่นฐานไปประกอบอาชีพรับจ้างที่ จ.ปราจีนบุรี


จนเมื่อเวลาล่วงเลยไป บุตรทั้งหมดได้เติบโตบรรลุนิติภาวะ มีครอบครัว มีอาชีพการงาน ทำให้เริ่มเบื่อหน่ายชีวิตทางโลก

พ.ศ.2524 เข้าพิธีอุปสมบทที่วัดประทุม สราราม ต.ลาดตะเคียน จ.ปราจีนบุรี มีเจ้าอธิการเจริญ กิตติโสภโณ เป็นพระอุปัชฌาย์

สมัครใจไปจาริกแสวงบุญในพื้นที่ จ.ปัตตานี เกิดความประทับใจชาวไทยพุทธแดนใต้ จากนั้นย้อนขึ้นไปจาริกเลาะตะเข็บแนวชายแดนไทย–พม่า ได้พบพระอาจารย์ปล้อง อโสโก วัดป่าเจริญผล ต.สวาย อ.เมือง จ.สุรินทร์ ที่ จ.เชียงใหม่ พระเกจิชื่อดังที่มีความเชี่ยวชาญด้านลงยันต์ จึงได้ขอฝากตัวเป็นศิษย์

จากนั้นไปจาริกในพื้นที่เทือกเขา อ.ลับแล จ.อุตรดิต ได้พบหลวงพ่อดำ วัดท่าทอง พร้อมถวายตัวเป็นลูกศิษย์หลวงพ่อดำ ได้มอบตำราพระเวทย์ 1 ชุด พร้อมวิชาลงอักขระ เขียนยันต์ต่างๆ เพื่อไว้ป้องกันตัว

ในช่วงที่ไปจาริกในพื้นที่แนวตะเข็บชายแดน ไทย–กัมพูชา อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์ ย่ำเท้าเดินผ่านดงทุ่นระเบิดนานาชนิดได้อย่างปลอดภัย ปรากฏว่า หน่วยทหารพรานได้เข้าไปกราบนมัสการและขอวัตถุมงคล

พ.ศ.2527 ได้รับตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดบุญเกิด อ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี

พ.ศ.2530 เดินทางกลับภูมิลำเนา จ.บุรีรัมย์ ผู้นำหมู่บ้านและชาวบ้านได้นิมนต์ให้ช่วยสร้างวัดในพื้นที่ป่าช้า บ้านโคกตาสิงห์ เนื้อที่ 12 ไร่ สร้างกุฏิหลังเล็ก สำหรับปฏิบัติธรรม สร้างกุฏิพักสงฆ์ ศาลาการเปรียญ และสร้างอุโบสถ จนกลายเป็นวัดเทพนรสิงห์ บ้านโคกตาสิงห์ ตราบจนถึงทุกวันนี้

เป็นพระเกจิอาจารย์ที่ชาวอีสานและชาวกัมพูชาแถบชายแดน ให้ความเลื่อมใสศรัทธาเป็นอย่างมาก ด้วยท่านเป็นพระที่เปี่ยมด้วยเมตตาธรรมแก่บรรดาคณะศิษยานุศิษย์และสาธุชนทั่วไปที่เข้ามากราบนมัสการ รวมทั้งเข้ารับการรักษา ยามได้รับกิจนิมนต์ไปงานบุญต่างๆ ก็ไม่เคยปฏิเสธ แม้ว่าอายุจะย่างเข้าสู่วัยชรา


ในแต่ละวันจะมีชาวบ้านที่ศรัทธา มากราบขอพรขอความเมตตาให้ท่านประพรมน้ำพระพุทธมนต์ รวมทั้งนำพาคนป่วยไปให้บำบัดรักษา เมื่อรักษาหาย หลายคนถึงกับขออุปสมบทและบวชชี ฝึกปฏิบัติธรรมด้วยส่วนงานกิจนิมนต์ในพิธีพุทธาภิเษกวัตถุมงคลตามวัดต่างๆ ต้องเดินทางเข้าร่วมพิธีเสมอเกียรติคุณบารมี ทำให้ได้รับการยกย่องว่า เป็นพระเกจิอาจารย์ระดับแนวหน้าอีกด้วย