• ประชาสัมพันธ์:

  • มิติใหม่ พระเครื่องไทยก้าวสู่บล็อกเชน คุณนิพนธ์ ระยองรีไชเคลิน ว่าด้วยพระเครื่องในยุคดิจิทัล

ประวัติหลวงปู่บุดดา ปัญญาธโร 111 ปี เกจิ 6 แผ่นดิน วัดป่าใต้พัฒนาราม ศิษย์พี่ศิษย์น้อง หลวงปู่โสฬส

17 ตุลาคม 2564

ประวัติหลวงปู่บุดดา ปัญญาธโร 111 ปี เกจิ 6 แผ่นดิน วัดป่าใต้พัฒนาราม ศิษย์พี่ศิษย์น้อง หลวงปู่โสฬส

ขอนำเสนอเรื่องราวประวัติ หลวงปู่บุดดา เนื่องในวาระวันคล้ายวันเกิด สิริอายุ 111 ปี

ปราจีนบุรีเป็นอีกหนึ่งจังหวัดที่ในอดีตมี”พระดี-เกจิอาจารย์ดัง”หลายองค์ อย่างเช่น หลวงพ่อจาด อดีตเจ้าอาวาสวัดบางกะเบา,หลวงพ่อเส็ง อดีตเจ้าอาวาสวัดประจันตคาม,หลวงพ่อเอีย อดีตเจ้าอาวาสวัดบ้านด่าน ฯลฯ เกจิดังทั้ง3องค์นี้มีศิษย์เอกที่มีชื่อเสียงในยุคต่อมาก็คือ หลวงปู่โสฬสยโสธโร (พระครูธำรงโพธิเขต) อดีตเจ้าอาวาสวัดโคกอู่ทอง อ.ประจันตคาม จ.ปราจีนบุรี ซึ่งท่านมรณภาพไปเมื่อปีพ.ศ.2555 สิริอายุ 99 ปี

 

เรื่องราวของหลวงปู่โสฬสนั้นได้รับการเผยแพร่อย่างกว้างขวาง แต่น้อยคนที่จะรู้ว่า ท่านมีศิษย์พี่ศิษย์น้องที่เติบโตมาด้วยกัน ดื่มนมจากแม่นมคนเดียวกัน อีกทั้งบวชเรียนพร้อมกันในสำนักเดียวกัน ซึ่งปัจจุบันยังมีชีวิตอยู่ด้วยวัยที่สูงถึง 111 ปี นับเป็นเกจิที่อายุยืนยาวถึง 6 แผ่นดิน

พระเกจิรูปนั้นก็คือ “หลวงปู่บุดดา ปัญญาธโร” วัดป่าใต้พัฒนาราม(วัดใหม่เจริญสุข) อ.วัฒนานคร จ.ปราจีนบุรี พระผู้เปี่ยมด้วยความเมตตา งดงามด้วยปฏิปทาจริยาวัตร เคร่งครัดในพระธรรมวินัย สหธรรมิกของหลวงปู่ทวน ปุสสวโร อดีตเจ้าอาวาสวัดจันทคุณาราม (วัดโป่งยาง) อ.แก่งหางแมว จ.จันทบุรี ซึ่งหลวงปู่บุดดา กล่าวว่า เคยนิมิตร่วมกันว่าเป็นพี่น้องกันเคยร่วมกันทำนุบำรุงพระพุทธศาสนามาด้วยกันหลายวัดในพื้นที่จังหวัดลพบุรี ปราจีนบุรี สระแก้ว และจันทบุรี

 

กระแสความศรัทธานิยมเป็นที่ปรากฏอย่างกว้างขวางเมื่อหลวงปู่บุดดาได้รับนิมนต์ไปนั่งปรกอธิษฐานจิตในพิธีพุทธาภิเษกวัตถุมงคลพระครูวิมุติธรรมาภิรม หรือ”หลวงพ่อส่วน ปริมุตโต” ณ วัดหนองคล้า ต.บึง อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี เมื่อวันที่ 9 พ.ย. 2559 โดยมีพระพรหมมังคลาจารย์ “ท่านเจ้าคุณธงชัย” วัดไตรมิตรวิทยาราม (ปัจจุบันคือ สมเด็จพระมหารัชมงคลมุนี ) เป็นประธาน ซึ่งในการประกอบพิธีครั้งนั้น หลวงปู่บุดดามีความโดดเด่นเป็นพิเศษได้รับความสนใจจากหมู่คณะศรัทธาประชาชนที่ได้กราบนมัสการพระเกจิคณาจารย์ที่ทรงพรรษากาล พรรษาธรรมสูง มีสุขภาพร่างกายแข็งแรงสมบูรณ์ ยิ้มแย้ม แจ่มใสให้การพูดคุยด้วยเมตตาธรรมแก่ผู่เลื่อมใสศรัทธาที่เข้าแถวต่อคิวกันยาวเหยียดให้เจิมหน้าผาก ลงกระหม่อมเพื่อความเป็นสิริมงคล

หลวงปู่บุดดาเกิดปีพ.ศ.2454 อายุอ่อนกว่าหลวงปู่โสฬส 3 เดือน โดยหลวงปู่โสฬสเกิดปีมะโรงต้นปี ส่วนหลวงปู่บุดดาเกิดปีมะเส็งต้นปี และไปแจ้งเกิดช้า แต่ถ้าเทียบจากปีเกิดดังกล่าว หลวงปู่บุดดาจะมีอายุครบ 108 ปี ที่สำคัญ งานทำบุญฉลองอายุวัฒนมงคล 107 ปีเมือปีพ.ศ.2561 ที่ผ่านมา ระบุวันที่ 20 ก.ค. 2561 ซึ่งน่าจะเป็นวันเกิดที่แท้จริงของท่าน

 

วัยเด็กท่านทั้งสองเข้าเรียนเขียนอ่านที่วัดโคกอู่ทองกับพระอาจารย์แย้ม จนจบชั้นประถมฯ4 ก็ออกมาช่วยทางบ้านทำไร่ทำนา กระทั่งอายุ 20-21 ปีจึงอุปสมบทครั้งแรกพร้อมกับหลวงปู่โสฬส ครองเพศสมณะอยู่ได้หนึ่งพรรษาก็สึกออกมามีครอบครัวและมีลูก โดยช่วงที่เป็นฆราวาสนี้ได้เรียนธรรมะ วิชาต่างๆจากหนังสือเก่าๆตามตำราของหลวงพ่อหลายองค์ นอกจากนี้ ยังไปเรียนวิชาเมตตากับพระอาจารย์ศรี ที่จังหวัดอุบลราชธานี อีกทั้งศึกษาวิชารดน้ำมนต์ ไล่ผี จากตำราของโยมตา

 

ต่อมาได้เข้าสู่ร่มกาสาวพัสตร์อีกครั้งเมื่ออายุ 75 ปี โดยมีหลวงพ่อสนธิ์ วัดทุ่งพระ เป็นพระอุปัชฌาย์ พระครูณรงค์ วัดเทพาวาส (ทับใหม่) เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระอาจารย์บัวลา วัดโคกสัมพันธ์ เป็นพระอนุสาวนาจารย์ จากนั้นได้อยู่จำพรรษาที่วัดเทพาวาส ซึ่งภายหลังได้ย้ายมาสร้างเป็นวัดทับใหม่ มีหลวงพ่อดี อดีตเสือเก่า เป็นเจ้าอาวาสองค์แรก

 

วัดป่าใต้พัฒนารามตั้งอยู่เลขที่149 ม.9 บ้านป่าใต้ ต. โนนหมากเค็ง อ.วัฒนานคร จ.สระแก้ว รหัสไปรษณีย์ 27160 แรกเริ่มได้ก่อตั้งเป็นสำนักสงฆ์ใหม่เจริญสุข หลังจากนั้นในปีพ.ศ.2550 หลวงปู่บุดดาและชาวบ้านได้ร่วมมือกันก่อสร้างและพัฒนาจนได้รับอนุญาตตั้งเป็นวัดอย่างถูกต้อง โดยก่อตั้งเมื่อวันศุกร์ที่ 15 มิถุนายน 2550 ขึ้น 1 ค่ำ เดือน 8 (ตามปฏิทินจันทรคติ) ปีกุน

 

หลังจากนั้นหลวงปู่บุดดาท่านเล็งเห็นว่า สำนักสงฆ์ใหม่เจริญสุขได้ขออนุญาตตั้งเป็นวัดเรียบร้อยแล้ว ท่านจึงประชุมชาวบ้านและคณะกรรมการว่าอยากสร้างอุโบสถเพื่อให้ลูกหลานได้บวชเรียนเหมือนอย่างวัดอื่นๆ ที่ประชุมจึงมีมติเห็นพ้องต้องกันโดยมีแกนนำหลายท่านที่เป็นหัวเรี่ยวหัวแรงคอยช่วยเหลือในการจัดหาปัจจัยดำเนินการ อาทิ คุณลุงปิ่น, คุณพ่อแสวง, คุณลุงสม, พระมหาอภิวัฒน์, อบต.สุนทร และคนอื่นๆอีกหลายท่าน รวมทั้งลูกๆของหลวงปู่และชาวบ้าน

 

โบสถ์หลังนี้ พระมหาอภิวัฒน์เป็นผู้ออกแบบโครงสร้าง โดยทางกรมศิลปากรมอบแบบแปลนให้ โดยทำพิธีวางศิลาฤกษ์เมื่อวันที่ 9 มี.ค. 2559 และตอกเสาเข็มในวันที่ 6 มิ.ย. 2559 เริ่มดำเนินการก่อสร้างมาจนถึงปัจจุบัน ส่วนในด้านการออกแบบตกแต่งทั้งภายในและภายนอกนั้น พระอาจารย์สมุห์สุริยา ยติกโร หรือ”หลวงพี่น้อย” พระอุปัฏฐากหลวงปู่บุดดา ได้แนวความคิดมาจากการประยุกต์ให้เข้ากับสมัยใหม่ โดยท่านเล็งเห็นว่า หลวงปู่บุดดาเป็นคนโบราณจึงอยากสร้างโบสถ์หลังนี้ให้เป็นจุดเด่น สะดุดตา และแปลกใหม่สำหรับจังหวัดสระแก้ว

 

จุดเด่นของอุโบสถวัดป่าใต้พัฒนารามคือ เป็นโบสถ์มหาอุด ซึ่งมีหลังเดียวในจังหวัดสระแก้ว ตัวโบสถ์สีขาวมุกทั้งหลัง ฝาเป็นไม้สักทอง หน้าต่างไม้สักทองแกะสลักเป็นรูปสัตว์ป่าหิมพานต์ ส่วนประตูเป็นไม้ตะเคียนทอง องค์พระประธานเป็นศิลปะ 3 สมัยคือ หลวงพ่ออู่ทอง หลวงพ่อสุโขทัย หลวงพ่อเชียงแสน และใหญ่ที่สุดในจังหวัดสระแก้ว

 

ส่วนที่แปลกตาและพิเศษที่สุด อีกทั้งถือว่าเป็นไฮไลต์ก็คือ ภายในผนังโบสถ์กรุด้วยเซรามิกลงน้ำทองคำแท้บริสุทธิ์ โดยใช้ทองคำ 75% ละลายลงในเซรามิกสีดำ ซึ่งต้องสั่งทำเป็นพิเศษ และมีแค่เพียง 3 แห่งในประเทศไทย โครงสร้างและลวดลายปูนปั้นเป็นการผนวกรวมกันของศิลปะ 3 ภาคคือ ภาคกลาง ภาคเหนือ และภาคอีสาน ซึ่งการก่อสร้างใกล้จะแล้วเสร็จหลังใช้เวลาดำเนินการมา 2 ปีกว่า ใช้งบประมาณราว 25 ล้านบาท ทั้งนี้ เมื่อสร้างเสร็จเรียบร้อยจะถือว่าเป็นอุโบสถหลังแรกและหลังเดียวที่สวยที่สุดในจังหวัดสระแก้ว

 

ภาพที่น่าประทับใจก็คือ แม้อายุจะเกินร้อยปีแล้ว แต่หลวงปู่บุดดาท่านยังนั่งรถเข็นไฟฟ้าออกตรวจงานการสร้างโบสถ์มหาอุดหลังนี้แทบทุกวัน

 

หลวงปู่บุดดานับเป็นพระเกจิอาวุโสที่มีความเมตตาธรรมบารมีสูงส่ง ใบหน้าของท่านมีรอยยิ้มอยู่เสมอ ท่านวางตนแบบเรียบง่าย ฉันอาหารแบบบ้านๆ เช่น น้ำพริก ผักต้ม ผักสด มักน้อย ชอบชีวิตสันโดษ ไม่นิยมสะสมข้าวของ ปัจจัยไทยทานต่างๆ ครองอัธยาศัยมั่นคงอยู่ในธรรมวินัย มีความงดงามในวัตรปฏิบัติยามเช้าจะออกบิณฑบาตโปรดสัตว์ ลงทำวัตรเจริญพระพุทธมนต์ทั้งเวลาเช้าและเย็นอย่างเคร่งครัด

 

วัตถุมงคลยอดนิยมของหลวงปู่บุดดา อาทิ เหรียญรุ่นแรก,รูปหล่อ,พระขุนแผน,พระสมเด็จ,ล็อกเก็ต,พระปิดตา,เหรียญมังกรเสาร์5,เหรียญเลื่อนสมณศักดิ์,เหรียญพญาเต่าเรือน,เหรียญเจริญพร ฯลฯ กล่าวขานกันว่า ดีทางเมตตามหานิยม

 

หลวงปู่บุดดา ปัญญาธโร” แห่ง วัดป่าใต้พัฒนาราม พระคณาจารย์ที่มีชื่อเสียงเป็นที่ทราบกันดีของชาว บ้านโนน หมากเคียง อำเภอวัฒนานครจังหวัดสระแก้ว ทั้งการศึกษาสรรพศาสตร์สายวิชา และมีพรรษากาล ถึง 105 ปี หลวงปู่บุดดา ปัญญาธโร นับเป็นพระเกจิ ที่มีความเมตตาธรรมบารมีสูงส่งและมีรอยยิ้มอยู่เสมอ เป็นที่ทราบกันกันดีของบรรดาลูกศิษย์

ชอบอยู่ชีวิตเรียบง่าย ฉันอาหารแบบบ้านๆ น้ำพริก ผักต้ม ผักสด มักน้อย ชอบชีวิตสันโดษ ไม่นิยมสะสมข้าวของ สัฆทานครองอัธยาศัยมั่นคงอยู่ในธรรมวินัย มีความงดงามในวัตรประวัติ เช้าออกบิณฑบาตโปรดสัตว์ ลงวัตรเจริญพระพุทธมนต์ อย่างเคร่งครัด

 

อีกทั้ง หลวงปู่บุดดา ปัญญาธโร ยังเป็นพระสหธรรมิกกับ หลวงปู่ทวน ปุสัสวโร ต่างมีความคุ้นเคยไปมาหาสู่กันอยู่เป็นประจำ ต่างช่วยเหลือเกื้อกูลกันในกิจการทางพุทธศาสนาต่อกัน และยังมีความใกล้ชิดกันกับ หลวงปู่โสฬส ยโสธโร กล่าวกันว่า หลวงปู่บุดดา ปัญญาธโร ได้รับการเลี้ยงดูอบรมเติมโตมาเคียงคู่กับ หลวงปู่โสฬส ยโสธโร กินนมจากเต้าของแม่คนเดียวกันถึงจะไม่ใช่พี่น้องที่เกิดจากพ่อแม่เดียวกัน แต่เหมือนเป็นลูกแม่เดียวกันนับถือเป็นพี่น้องคลานตามกันมา